กรณียเมตตสูตร บทสวดมนต์ที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ช่วยแผ่เมตตาแก่เทวดา ทำให้เทวดาคุ้มครอง ปกป้องรักษา (มีคำแปลในคลิป)

สวัสดีครับท่านผู้ชม Dekwat Channel ทุกท่านครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวธรรมะอันประเสริฐ ที่จะนำมาซึ่งความสงบร่มเย็นและความเป็นสิริมงคลสู่ชีวิตของเราทุกคนนะครับ

วันนี้ ผมมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะนำพาทุกท่านมารู้จัก ศึกษา และร่วมกันสวดสาธยายพระสูตรที่ถือว่าเป็นหัวใจแห่งความปรารถนาดี เป็นบทสวดที่เปี่ยมล้นไปด้วยอานุภาพแห่งเมตตาอันไร้ขีดจำกัด นั่นก็คือ "กรณียเมตตสูตร" ครับ

บทสวดนี้ไม่เพียงแต่จะมีถ้อยคำที่ไพเราะลึกซึ้ง แต่ยังมีที่มาอันน่าอัศจรรย์ และมีอานิสงส์มากมายสำหรับผู้ที่สวดสาธยายและน้อมนำไปปฏิบัติด้วยจิตที่เลื่อมใสศรัทธา เป็นบทสวดที่เชื่อกันว่าสามารถแผ่ความปรารถนาดีไปถึงเหล่าเทพเทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงคุณค่าและความสำคัญของมรดกธรรมอันล้ำค่านี้กันนะครับ

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวและอานิสงส์ต่างๆ ที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อและศรัทธาที่สืบทอดกันมาในทางพระพุทธศาสนา ขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการรับชมรับฟัง และที่สำคัญที่สุดคือการน้อมนำไปปฏิบัติเพื่อขัดเกลาจิตใจของเราเองให้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมนะครับ

 

ความเป็นมาอันศักดิ์สิทธิ์ของ "กรณียเมตตสูตร"

ท่านผู้ชมครับ เรื่องราวความเป็นมาของกรณียเมตตสูตรนี้ มีบันทึกไว้ในอรรถกถาอย่างน่าประทับใจครับ เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยพุทธกาล มีหมู่ภิกษุประมาณ 500 รูป ได้กราบทูลลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเดินทางไปหาที่สงบในการบำเพ็ญเพียรภาวนา พวกท่านได้เดินทางไปจนถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ที่สงบวิเวก เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จึงได้ปักหลักเจริญสมณธรรมกัน ณ ที่นั้น

แต่ทว่า ในป่าแห่งนั้นมีเหล่ารุกขเทวดา (เทวดาที่สถิตอยู่ตามต้นไม้) อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อท่านเหล่านั้นเห็นหมู่ภิกษุผู้มีศีลบริสุทธิ์และมีกระแสจิตที่ทรงพลังมานั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นไม้ อันเป็นวิมานของตน ก็รู้สึกไม่สะดวกใจและเกิดความลำบาก ด้วยความที่ยังไม่เข้าใจในกิจของสงฆ์ เหล่ารุกขเทวดาจึงได้พยายามแสดงอาการต่างๆ เพื่อขับไล่ภิกษุเหล่านั้น เช่น ส่งเสียงที่น่าสะพรึงกลัวในเวลากลางคืน หรือปรากฏรูปร่างที่น่าหวาดหวั่น ทำให้หมู่ภิกษุไม่สามารถทำสมาธิภาวนาได้สะดวก เกิดความกังวลใจ ไม่เป็นอันปฏิบัติธรรม

เมื่อเป็นเช่นนั้น หมู่ภิกษุจึงได้เดินทางกลับไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ วัดพระเชตวัน และกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้ทรงสดับแล้ว แทนที่พระองค์จะประทานคาถาอาคมเพื่อขับไล่ หรือเครื่องรางป้องกันภัย พระองค์กลับทรงมอบ "ศาสตราวุธอันประเสริฐ" ที่ทรงพลังยิ่งกว่านั้นให้แก่ภิกษุเหล่านั้น นั่นก็คือ "กรณียเมตตสูตร" นี้เองครับ

พระองค์ทรงสอนพระสูตรนี้แก่ภิกษุเหล่านั้น และรับสั่งให้พวกเธอกลับไปยังป่าเดิม พร้อมทั้งให้สวดสาธยายพระสูตรนี้ เพื่อเป็นการเจริญเมตตาจิตและแผ่ความปรารถนาดีไปยังเหล่ารุกขเทวดาและสรรพสัตว์ทั้งปวงในป่าแห่งนั้น

หมู่ภิกษุเมื่อได้รับพระโอวาทและเรียนกรณียเมตตสูตรนี้แล้ว ก็ได้เดินทางกลับไปยังป่าแห่งเดิม และได้พร้อมใจกันสวดสาธยายพระสูตรนี้ด้วยเสียงอันดังและด้วยจิตที่เปี่ยมด้วยเมตตาอย่างแท้จริง อานุภาพแห่งเมตตาธรรมจากพระสูตรนี้ได้แผ่ซ่านไปถึงจิตใจของเหล่ารุกขเทวดา ทำให้ท่านเหล่านั้นเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จากที่เคยรังเกียจก็กลับกลายเป็นมิตร จากที่เคยคิดขับไล่ก็กลับกลายเป็นผู้ที่คอยอนุโมทนาในการบำเพ็ญเพียรของภิกษุเหล่านั้น ทั้งยังช่วยคุ้มครองดูแล ให้หมู่ภิกษุสามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างสงบสุขตลอดพรรษานั้น และในที่สุด ภิกษุทุกรูปก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ครับ นี่คือที่มาอันยิ่งใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่า พลังแห่งเมตตานั้นยิ่งใหญ่กว่าอำนาจใดๆ ทั้งปวง

 

อานิสงส์อันไพศาลของการสวด "กรณียเมตตสูตร"

ท่านผู้ชมครับ อานิสงส์ของการเจริญเมตตาและสวดสาธยายกรณียเมตตสูตรนี้ มีมากมายเหลือคณานับ ดังที่พระพุทธองค์เองก็ได้ตรัสไว้ถึงอานิสงส์ของผู้เจริญเมตตาไว้ถึง 11 ประการ คือ:

  1. นอนหลับเป็นสุข (สุขัง สุปะติ): ผู้เจริญเมตตาย่อมหลับสบาย ไม่กระสับกระส่าย

  2. ตื่นเป็นสุข (สุขัง ปะฏิพุชฌะติ): เมื่อตื่นขึ้นมาก็ย่อมมีความสุข สดชื่นแจ่มใส

  3. ไม่ฝันร้าย (นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ): จะไม่ฝันเห็นเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวหรือเป็นอกุศล

  4. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย (มะนุสสานัง ปิโย โหติ): ผู้มีเมตตาย่อมเป็นที่รักใคร่เมตตาของคนรอบข้าง

  5. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย (อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ): เหล่าเทพเทวดาและอมนุษย์ทั้งหลายย่อมรักใคร่และคุ้มครองผู้มีเมตตาจิต

  6. เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา (เทวะตา รักขันติ): เหล่าเทพยดาผู้มีสัมมาทิฐิจะคอยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เจริญเมตตาอยู่เสมอ

  7. ไฟ ยาพิษ หรือศัสตราวุธ ไม่สามารถทำอันตรายได้ (นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ): (ในกรณีที่เมตตานั้นมีกำลังมาก และไม่เกินวิบากกรรมเก่า)

  8. จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว (ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ): เมตตาเป็นอารมณ์กรรมฐานที่ช่วยให้จิตสงบและตั้งมั่นได้ง่าย

  9. สีหน้าผ่องใส (มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ): ผู้มีเมตตาจิตอยู่เป็นนิจ ใบหน้าย่อมดูผ่องใสเปี่ยมสุข

  10. ไม่หลงลืมสติตาย (อะสัมมุฬโห กาลัง กะโรติ): เมื่อถึงคราวจะต้องละจากโลกนี้ไป ก็จะตายอย่างมีสติ ไม่หลงใหลเศร้าหมอง

  11. หากยังไม่บรรลุคุณธรรมเบื้องสูง ย่อมเข้าถึงพรหมโลก (อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พรัหมะโลกูปะโค โหติ): ผู้ที่เจริญเมตตาจนได้ฌาน เมื่อสิ้นชีวิตแล้วย่อมบังเกิดในพรหมโลกครับ

การนำสวด "กรณียเมตตสูตร"

เมื่อเราได้ทราบถึงความเป็นมาและอานิสงส์อันประเสริฐเช่นนี้แล้ว ลำดับต่อไป ผมจะขออนุญาตนำพาทุกท่านสวดสาธยาย "กรณียเมตตสูตร" ไปพร้อมๆ กันนะครับ ขอให้ทุกท่านทำจิตใจให้สบาย ตั้งกายให้ตรง ประนมมือขึ้นด้วยความเคารพ และน้อมจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยครับ

(นำ) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

(นำสวด กรณียเมตตสูตร)

กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง

 

สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร ภูตา วา สัมภะเวสี วา สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา

 

นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะฯ

มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณังฯ

เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตังฯ

ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุฯ

ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ

 

ท่านผู้ชมครับ กรณียเมตตสูตรที่เราได้ร่วมกันสวดสาธยายไปนั้น เป็นบทสวดที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะเป็นการแผ่ความรักความปรารถนาดีหรือเมตตาจิตของเราไปให้กับเหล่าเทพเทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลายเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือ ยังเป็นบทสวดที่ช่วยขัดเกลาจิตใจของเราเองให้อ่อนโยนลง และช่วยลดทอนความรู้สึกโกรธเคืองหรือความคิดอาฆาตพยาบาทที่อาจจะเกิดขึ้นในจิตใจของเราให้เบาบางลงไปด้วยครับ

ผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้ชมและกัลยาณมิตรทุกท่าน ได้โปรดน้อมนำบทสวด "กรณียเมตตสูตร" นี้ ไปสวดเป็นประจำทุกวันเถิดครับ อาจจะเป็นในช่วงเช้าก่อนเริ่มวันใหม่ หรือในช่วงค่ำก่อนนอน เพื่อเป็นการแผ่เมตตาให้กับตนเองและผู้อื่น และเพื่อสร้างเกราะแห่งความดีคุ้มครองตนเอง เมื่อเราได้ปฏิบัติด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธา และความสม่ำเสมอแล้ว ความสุข ความสงบร่มเย็น และความเป็นสิริมงคลย่อมบังเกิดขึ้นกับทุกท่านอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดนี้ ผมในนามของทีมงาน Dekwat Channel ทุกคน ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านผู้ชมทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่ได้ให้เกียรติติดตามรับชมรายการของเรามาโดยตลอดนะครับ

ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยอันประเสริฐ และอานุภาพอันยิ่งใหญ่แห่งเมตตาธรรมที่พวกเราได้ร่วมกันเจริญแล้วนี้ โปรดดลบันดาลให้ท่านผู้ชมทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง และเป็นที่รักใคร่เมตตาของทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ

สวัสดีครับ.